เรียงความรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
โครงการประกวดเรียงความ "60 ปีพ่อหลวงของแผ่นดิน"
ดำเนินการจัดปกระกวดโดยคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี
ร่วมกับบริษัท ธิงค์ แอนด์ ดู จำกัด

ในหลวงนักพัฒนา

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของความเป็นประเทศไทย มีช่วงเวลาแห่งความมั่นคงอันนำมาซึ่งความสุขเกษมเปรมปรีดิ์ของปวงชนชาวไทย และช่วงเวลาแห่งภาวะวิกฤตของปัญหา อันนมาซึ่งความโศกเศร้าและสิ้นหวัง แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด บุคคลหนึ่งซึ่งไม่เคยไหวหวั่นไปตามสถานกรณ์ต่างๆ นั่นก็คือ พระยาทสวมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงของเรานั่นเอง ทุกหย่อมหญ้าแห่งความขาดแคลน ทุกพื้นที่อันไร้ซึ่งความเจริญ ไม่มีที่ใดที่พระองค์เสด็จไปเยี่ยมเยียนแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ไม่มีใครสามารถจำได้ว่าพระองค์เสด็จไปยังที่แห่งใดบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนทุกคนจำได้คือ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปไหน ณ ที่แห่งใด จะต้องเห็นสิ่งของสามสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์คือแผนที่ และอีกสิ่งหนึ่งคือดินสอ แต่พระองค์มิได้ทรงใช้สามสิ่งนั้นเพื่อการนันทนาการท่องเที่ยว หากแต่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการคิด และหาทางพัฒนาพื้นที่ที่ประทับอยู่นั้นในการคิด และหาทางพัฒนาพื้นที่ที่ประทับอยู่นั้นให้พบกับความเจิรญ ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิประเทศ และภูมิอากาศอย่างไร ฟ้าฝนฤดูกาลเป็นเช่นไร พระองคทรงทราบได้จากแผนที่ รายละเอียดของพื้นที่และปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขมีอะไรบ้าง พระองค์ทรงจำได้จากการจดบันทึกและการถ่ายภาพ พระองค์คือตัวอย่างของนักพัฒนาอย่างแท้จริง ซึ่งต้องเตรียมพร้อมและรับรุ้แก้ไขปัญหาต่างๆ เสมอ การทำที่ดินอันแห้งแล้งแตกระแหงให้เป็นผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ การทำภูเขาหัวโล้นให้เป็นนอดเขาอันเขียวขจี การทำให้ข้าที่เหี่ยวเฉากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทุกสิ่งล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ หากแต่ในหลวงของเราสามารถทำได้

ข้าพเจ้าไม่เคยลืมภาพพระราชกรณียกิจเหล่านี้เลย พระองค์คือแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าคิดที่จะพัฒนาตนเองให้ดีกว่านี้เพื่อจะสามารถพัฒนาประเทศชาติได้ในอนาคต พระองค์ไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ที่จะดลบันดาลสิ่งใดได้ แต่พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพ มีความเอาใจใส่ ช่างสังเกต ทำให้ข้าพเจ้าอยากที่จะทำเช่นนี้บ้าง ข้าพเจ้าคิดเสมอว่า "ไม่มีใครเก่งมาได้ตั้งแต่เกิด" พระองค์ยังต้องศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนความคิด กว่าจะมาเป็นนักพัฒนาที่ดีของปวงชนได้ แล้วข้าพเจ้าเป็นใครเล่า หากข้าพเจ้าไม่พยายามศึกษาค้นคว้าหาความรู้ให้กับตัวเอง แล้วข้าพเจ้าจะมีความสามารถอะไรไปพัฒนาประเทศได้ ข้าพเจ้าอ่านหนังสือแทบทุกเวลาที่สามารถทำได้ จดบันทึกทุกเรื่องราวที่มีประโยชน์เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

พระองค์ยังไม่สนพระทัยกับความเหน็ดเหนื่อย และหยาดเหงื่อที่ไหลออกมา แล้วเหตุใดข้าพเจ้าจะต้องกลัวความเหน็ดเหนื่อย พระองค์ไม่ทรงกลัวความยากลำบาก แล้วเหตุใดข้าพเจ้าจึงจะต้องแสวงหาแต่ความสุขสบาย สิ่งที่พระองค์สนพระทัยคือชีวิตที่ดีกว่าของปวงชน ภายใต้ร่มพระบารมีและสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าสนใจ ก็คือการพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพที่ดีกว่านี้ เพื่อที่ว่าจะสามารถทำประโยชน์ตอบแทนแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าได้ในอนาคต ข้าพเจ้าไม่ใช่คนร่ำรวย ดังัน้นสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าจะสามารถให้แผ่นดินนี้ได้ ก็คือการเป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นภาระต่อสังคม

หนึ่งในเป้าหมายชีวิตของข้าพเจ้าที่อยากจะกระทำให้ได้นั่นก็คือ ข้าพเจ้าอยากเข้าเฝ้าในหลวงแค่สักครั้งหนึ่ง ได้เห็นพระพักตร์อันเปี่ยมด้วยความเมตตาของพระองค์ ข้าพเจ้าจะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในการเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ประเทศชาติเจริญ เพื่อตอบแทนแผ่นดินเกิด เพื่อตอบแทนบุญคุณของในหลวง เพื่อที่พระองค์จะได้ไม่ผิดหวังกับแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทให้กับพสกนิกร และเพื่อที่ข้าพเจ้าตายไปจะมีแต่คนคิดถึงในคุณความดีของข้าพเจ้า และที่สำคัญเพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสถูกเรียกว่า "นักพัฒนา" เฉกเช่น พระองค์บ้าง

นางสาวแพรวา มั่นพลศรี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบุญวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับมัธยมศึกษา